เมนู

อิทังทุกขันติกถา



[1454] สกวาที เมื่อกล่าววาจาว่า นี้ทุกข์ ญาณว่า นี้ทุกข์ ก็
เป็นไป หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. เมื่อกล่าววาจาว่า นี้สมุทัย ญาณว่า นี้สมุทัย ก็เป็น
ไป หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เมื่อกล่าววาจาว่า นี้ทุกข์ ญาณว่า นี้ทุกข์ ก็เป็นไป
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เมื่อกล่าววาจาว่า นี้นิโรธ ญาณว่า นี้นิโรธ ก็เป็นไป หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เมื่อกล่าววาจาว่า นี้ทุกข์ ญาณว่า นี้ทุกข์ ก็เป็นไป
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เมื่อกล่าววาจาว่า นี้มรรค ญาณว่า นี้มรรค ก็เป็นไป
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

[1455] ส. เมื่อกล่าววาจาว่า นี้สมุทัย แต่ญาณไม่เป็นไปว่า นี้
สมุทัย หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เมื่อกล่าววาจาว่า นี้ทุกข์ แต่ญาณไม่เป็นไปว่า นี้
ทุกข์ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เมื่อกล่าววาจาว่า นี้นิโรธ ฯลฯ นี้มรรค แต่ญาณไม่
เป็นไปว่า นี้นิโรธ ฯลฯ นี้มรรค หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เมื่อกล่าววาจาว่า นี้ทุกข์ แต่ญาณไม่เป็นไปว่า นี้
ทุกข์ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1456] ส. เมื่อกล่าววาจาว่า นี้ทุกข์ ญาณว่า นี้ทุกข์ ก็เป็นไป หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เมื่อกล่าววาจาว่า รูปไม่เที่ยง ญาณว่า รูปไม่เที่ยง
ก็เป็นไป หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เมื่อกล่าววาจาว่า นี้ทุกข์ ญาณว่า นี้ทุกข์ ก็เป็นไป

หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เมื่อกล่าววาจาว่า เวทนา ฯลฯ สัญญา สังขาร ฯลฯ
วิญญาณ ไม่เที่ยง ญาณว่า วิญญาณไม่เที่ยงก็เป็นไป หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1457] ส. เมื่อกล่าววาจาว่า นี้ทุกข์ ญาณว่า นี้ทุกข์ ก็เป็นไป
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เมื่อกล่าววาจาว่า รูปเป็นอนัตตา ญาณว่า รูปเป็น
อนัตตา ก็เป็นไป หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เมื่อกล่าววาจาว่า นี้ทุกข์ ญาณว่า นี้ทุกข์ ก็เป็นไป
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เมื่อกล่าววาจาว่า เวทนา ฯลฯ สัญญา ฯลฯ สังขาร
ฯลฯ วิญญาณ เป็นอนัตตา ญาณว่า วิญญาณ เป็นอนัตตา ก็เป็นไป หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1458] ส. เมื่อกล่าววาจาว่า รูปไม่เที่ยง แต่ญาณไม่เป็นไปว่า

รูปไม่เที่ยง หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เมื่อกล่าววาจาว่า นี้ทุกข์ แต่ญาณไม่เป็นไปว่านี้ทุกข์
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เมื่อกล่าววาจาว่า เวทนา ฯลฯ สัญญา ฯลฯ สังขาร
ฯลฯ วิญญาณ ไม่เที่ยง แต่ญาณไม่เป็นไปว่า วิญญาณไม่เที่ยง หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เมื่อกล่าววาจาว่า นี้ทุกข์ แต่ญาณไม่เป็นไปว่า นี้
ทุกข์ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เมื่อกล่าววาจาว่า รูปเป็นอนัตตา แต่ญาณไม่เป็นไป
ว่า รูปเป็นอนัตตา หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เมื่อกล่าววาจาว่า นี้ทุกข์ แต่ญาณไม่เป็นไปว่า นี้
ทุกข์ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เมื่อกล่าววาจาว่า เวทนา ฯลฯ สัญญา ฯลฯ สังขาร
ฯลฯ วิญญาณ เป็นอนัตตา แต่ญาณไม่เป็นไปว่า วิญญาณ เป็นอนัตตา
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เมื่อกล่าววาจาว่า นี้ทุกข์ แต่ญาณไม่เป็นไปว่า นี้

ทุกข์ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1459] ส. เมื่อกล่าววาจาว่า อิทํ ทุกฺขํ (นี้ทุกข์) ญาณว่า
อิทํ ทุกฺขํ ก็เป็นไป หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ญาณว่า อิ ญาณว่า ทํ ญาณว่า ทุ และญาณว่า ขํ
ก็เป็นไป หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
อิทังทุกขันติกถา จบ

อรรถกถาอิทัง ทุกขันติกถา



พรรณนากถาว่าด้วย การเปล่งวาจาว่านี้ทุกข์



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องการเปล่งวาจานี้ทุกข์. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใด
มีความเห็นผิดดุจลัทธิของนิกายอันธกะทั้งหลายว่า ในขณะแห่งโลกุตตรมรรค
เกิด พระโยคาวจรย่อมเปล่งวาจาว่านี้ทุกข์ ฉันใด ญาณว่านี้ทุกข์ย่อม
เป็นไปแก่พระโยคาวจรผู้กล่าววาจาว่า นี้ทุกข์ฉันนั้น ดังนี้ คำถามของ
สกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองของปรวาทีหมายเอาการ
กล่าววาจาเช่นนั้น และความเป็นไปแห่งญาณในขณะแห่งมรรค. อนึ่ง
ปรวาทีนั้นปรารถนาว่า ปุถุชนย่อมกล่าววาจาอันประกอบด้วยสัจจะ
ที่เหลือ แต่ว่าญาณเช่นนั้นย่อมไม่เป็นไปแก่เขา เหตุใด เพราะเหตุนั้น
ท่านจึงปฏิเสธในปัญหามี สมุทัย เป็นต้น.